Processor (CPU)

                ด้วยงบที่ถูกกำหนดมา จึงทำให้เราสามารถเลือกใช้งานซีพียูรุ่นต่ำของแต่ละค่าย อย่างถ้าเป็นค่ายเอเอ็มดีก็ต้อง
ไปคบหากับ Athlon64 x2 3600+ กับราคา 2,670 บาท ด้วยความสามารถระดับ 1.9 GHz Dual Core ที่มาพร้อมกับแคช
ระดับ 2 ขนาด 512 MBx2 ก็จัดได้ว่าแรงพอตัว สามารถรองรับทั้งงาน และการเล่นเกมในปัจจุบันได้อย่างสบายๆ เลยทีเดียว
หรือว่าจะเลือก Athlon64 x2 3800+ ความเร็ว 2.0 GHz กับราคา 2,970 บาท ต่างจากตัว 3600+ อยู่ 300 บาท
เรียกว่าไม่คุ้มกับการจะเลือกใช้ตัว 3800+ เพราะความเร็วเพิ่มขึ้นมาแค่นิดเดียว

               สำหรับซีพียูค่ายอินเทลก็ต้องลองของใหม่กับ Intel Pentium Duo Core E2140 ราคา 3,010 บาท
ที่มาพร้อมกับความเร็วขนาดย่อมๆ 1.6 GHz และจะพกแคชระดับ 2 มาด้วยกับขนาด 1 MB พร้อมความเร็ว FSB 800MHz
ก็จัดได้ว่าเป็นซีพียูรุ่นเล็กแต่คุ้มค่า ที่สามารถตอบสนองการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือถ้าจะเล่นรุ่น E2160 กับราคา
3,460 บาท ได้ความเร็วเพิ่มขึ้นมาอีกระดับ แต่ต้องควักตังค์เพิ่มอีก 350 บาท แต่สเปคอย่างอื่นๆ เหมือนกัน ก็ได้ไม่คุ้มเสียครับ

Mainboard

          ถ้าเลือกใช้งานซีพียูเอเอ็มดี ก็ต้องเลือกเมนบอร์ดที่เป็น Socket AM2 และเมนบอร์ดที่น่าสนใจ
ก็ต้องใช้ชิปเซตจากค่าย nVIDIA ที่เป็นคู่แข่งของ ATi ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายรุ่น ทั้งรุ่นที่มีกราฟฟิก
ออนบอร์ดและรุ่น Single Card หรือว่าจะเป็นรุ่น SLl ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับทุนทรัพย์ด้วยละครับ

          แต่สำหรับงานนี้ เราเลือกเมนบอร์ดแบบ Single Card ก็เพียงพอแล้วครับ แต่ว่าราคาดันแพงกว่า
บอร์ดแบบ SLl เสียอีก งานนี้ก็เลยขอเลือก ASUS M2N-E SLl กับราคา 3,270 บาท ดีกว่าที่จะไปเลือก
AUS M2N-E ที่มีราคา 3,380 บาท เพราะอย่างน้อยๆ อนาคตถ้าอยากเล่น SLl ก็ซื้อการ์ดจอมาใส่เพิ่มได้
ในภายภาคหน้าครับ

          สำหรับในส่วนของเมนบอร์ดที่จะมารองรับกับซีพียูอินเทลเพนเทียมดูโอคอร์นั้น มองหาเมนบอร์ด
ที่ใช้งานกับซีพียู Duo Core ได้ ซีพียูรุ่น E21xx ก็ใช้งานได้ด้วยเช่นกัน

          ทั้งเมนบอร์ดที่ใช้ชิป nForce 570 Series หรือว่าจะเป็น nForce 680i หรือว่าจะใช้งานกับ
Intel P965 Express หรือว่าจะใช้ Intel 945P Express ก็ได้ ซึ่งราคาของบอร์ดแต่ละรุ่นก็สูงต่ำตามความสามารถ
และอุปกรณ์บนเมนบอร์ด ส่วนตัวที่เลือกจัดลงไปก็เป็นบอร์ดของ Gigabyte GA-P965-DS3 ราคา 4,030 บาท
ซึ่งในภาคจ่ายไฟจะใช้ตัวเก็บประจุแบบ Solid จะช่วยให้ใช้งานได้ยาวนาน และจ่ายไฟได้สม่ำเสมอกว่า
ตัวเก็บประจุแบบธรรมดาทั่วไป

RAM

          มาดูในส่วนของแรมกันบ้าง ซึ่ง ณ ช่วงเวลาอย่างนี้ จัดว่าเป็นเวลาทองต้องรีบซื้อหาแรมไปเพิ่มกันเยอะๆ ครับ
เพราะราคาแรมถูกลงอย่างเหลือเชื่อ อย่างเช่น DDR II แถวละ 512 MB ก็มีราคาตั้งแต่ 600-800 บาทเท่านั้น
และยิ่งเป็นแรมที่มีความจุแถวละ 1 GB (2 แถว) ก็ราคา 2,100 บาท ตกแถวละ 1,050 บาท เท่านั้นเองครับ

Hard Disk Drive (HDD)

          ในส่วนของ HDD ก็เหมือนกัน ด้วยความจุที่เพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาอย่างเห็นได้ชัด
แถมยังมีการรับประกันที่ยาวนานถึง 5 ปีกันเลยทีเดียว อีกทั้งการแข่งขันกันทำยอดจำหน่ายในช่วงครึ่งปีหลัง
และก็เป็นการกระโดดเข้ามาร่วมวงของ Hitachi ที่ใช้กลยุทธ์ราคาเป็นตัวนำในการทำตลาด ซึ่ง Hitachi
ได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์รายแรกของโลกที่ผลิตฮาร์ดดิสก์ขนาดความจุ 1 TB หรือ 1000 MB นั่นเองครับ
และก็ได้มานอนรอการเทสที่ QLABs ของเราแล้วด้วยเช่นกัน งานนี้ก็อดใจรอดูผลการทดสอบกันหน่อยก็แล้วกันครับ

          และสำหรับงานนี้เราได้เลือกความจุฮาร์ดดิสก์ขนาด 160 GB SATA II เป็นตัวเก็บข้อมูลต่างๆ
ด้วยราคา 2,060 บาท จากค่าย Seagate หรือถ้าคิดว่ามากไปก็ใช้ขนาด 80 GB Hitachi กับราคา 1,480 บาท
หรือว่าจะเป็น Seagate 80GB กับราคา 1,490 บาท ถ้าถามถึงความคุ้มค่าต้องซื้อขนาด 250 GB ครับ
เพราะไม่ว่าจะของยี่ห้อไหนราคาก็อยู่ที่ 2,500 บาท บงวกลบไม่เกิน 100 บาทครับ

Optical Disk Drive (ODD)

          ตัวไดร์ฟต่างๆ ณ ปัจจุบัน ก็มีราคาไม่แพงมากนัก เพราะฉะนั้นถ้าจะแยกใช้งานกันแบบแต่ละชนิดก็ดีไม่น้อย
อย่างเช่น DVD-ROM หนึ่งตัวกับ DVD-RW อีกหนึ่งตัว อีกทั้งอินเทอร์เฟซของไดร์ฟ DVD-RW ก็เป็นแบบ SATA กันแล้ว
ยิ่งเพิ่มความสะดวกในการติดตั้งได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว และงานนี้ก็ได้เลือกใช้ของ ASUS 18x 1814BLT กับราคา 1,320 บาท

Monitor

          ก็ถือว่าเป็นเรื่องแปลกครับ เพราะสวนกระแสของการลดราคากับอุปกรณ์ชิ้นอื่นๆ
เพราะราคาจอแอลซีดีกลับถีบตัวขึ้นสูงกว่าเมื่อตอนต้นปีเสียอีก อย่าง LG 19 ” 194 WT
เมื่อต้นปีราคา 6,590 บาท แต่ใรตอน ณ ปัจจุบันก็ขึ้นไปที่ 6,700 บาท หรือบางร้านอาจจะขึ้นไปมากกว่านี้
เหตุหนึ่งอาจจะเป็นเพราะผู้บริโภคมีความต้องการสูง แต่ของมีน้อยราคาก็เลยถีบตัวสูงขึ้น
เหมือนหลักของ Demand กับ Supply ฉันใดก็ฉันนั้น อีกทั้งจอแอลซีดีแบบ wide screen 19”
ก็มีราคาที่น่าลงทุนเป็นอย่างยิ่ง เพราะเห็นถือกันเพียบเลยทีเดียว (วันอาทิตย์ที่เซียร์รังสิต)

          หรือถ้าบางท่านว่ามันมากไป จอแอลซีดีขนาด 17 ” ก็พอแล้ว ก็ลองลดสเปคมาดู
ก็จะประหยัดงบไปได้อีกพันสองพันเลยทีเดียว เพราะจอแอลซีดีขนาด 17 ” ก็มีราคาไม่แพงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
แถมยังมีรุ่นและยี่ห้อให้เลือกมากมาย และก็มีราคาตั้งแต่ระดับ 5,000 บาทไปจนถึง 10,000 กว่าบาทกันเลยทีเดียว

Case & Power Supply

          อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคลไปครับ เพราะรูปร่างหน้าตาของเคสที่แต่ละท่านชอบก็ต่างจิตต่างใจ
แต่ถ้าเป็นประเภทแบบไหนก็ได้ เราก็มีมาแนะนำอย่างของ Gview Case 420w ซึ่งสามารถติดตั้งพัดลมขนาด
120 มิลลิเมตรได้ 3 ตัว คือด้านหน้า หลัง และด้านข้าง แต่ทางด้านหน้าพัดลมมาตรฐานที่ให้มาจะเป็นขนาด
80 มิลลิเมตรครับ ถ้าไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานานๆ ก็ไม่ต้องเปลี่ยนหรอกครับ
           แต่ถ้าคุณใช้งานต่อเนื่องนานหลายชั่วโมงและไม่ได้อยู่ในห้องแอร์ งานนี้แนะนำให้เปลี่ยนพัดลมด้านหน้า
เป็น 120 มิลลิเมตรก็จะพอช่วยได้ครับ

Mouse & Keyboard

          อุปกรณ์อย่างเมาส์กับคีย์บอร์ด อันนี้ก็ต้องแนวใครแนวมันละครับ ชอบแบบไหนก็เลือกเอาแบบนั้น ก็ลองไปเดินๆ โฉบตามร้านขายแอสเซสซอรี่ดูครับ มีให้เลือกกันมากมายหลากหลายรูปร่างหน้าตา
ทั้งคีย์บอร์ดแบบมัลติมีเดีย หรือว่าเป็นแบบไร้สาย อันนี้ก็เลือกเอาแล้วแต่ตามถนัดครับ